ตายก่อนตาย…ที่วัดป่าศรีมหาโพธิ์วิปัสสนาราม
วัดป่าศรีมหาโพธิ์วิปัสสนาราม ต.บัวชุม อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี
เป็นที่ทราบกันดีในหมู่ชาวพุทธผู้ปฏิบัติธรรมในตำรับ “ธรรมะเปิดโลก”
ว่าเป็นวัดที่มีการสอนธรรมเปิดโลกแก่คนที่มีปัญหาทั้งทางกายและจิตใจ ประเภทที่แพทย์แผนปัจจุบันไม่รับรักษา คนป่วยประเภทนี้เขาเรียกกันว่า
“โรคกรรม” ต้องรักษาด้วยธรรม โดยเฉพาะ ธรรมเปิดโลก ตามแนวทางที่ทางวัดกำหนด
คือ การอธิษฐานตาย แล้วนอนในโลงศพ หลายคนมาปฏิบัติธรรมที่นี่แล้วหาย มีปรากฏพยานมากมายหลายคน
ผู้เขียนได้รับการชักชวนจากอาจารย์
กัญญ์วรา ธิติพันธ์ ที่นี่หลายคนเรียกท่านว่า
“อาจารย์แม่” ผู้มีประสบการณ์จากการปฏิบัติธรรมที่นี่มากว่า 25 ปี ให้ผู้เขียนเข้าร่วมปฏิบัติธรรมตามกำหนดที่ทางวัดจัดปีละ
1 ครั้งเท่านั้น
เป็นเวลา 30 วัน ตลอดระยะเวลาที่ปฏิบัติธรรมทุกคนจะต้องนอนในโลงศพ
พิจารณาความตาย บริกรรมบทภาวนา ว่า “ตายหนอ ตายหนอ ตายหนอ” ตลอดเวลา
แต่เนื่องด้วยภารกิจรัดตัวผู้เขียนไม่สามารถปฏิบัติธรรมตามระยะเวลาที่ได้การแนะนำได้
จึงสมัครใจเข้าร่วมปฏิบัติธรรมและสังเกตการณ์เพียงหนึ่งคืนเท่านั้น จากหนึ่งคืนที่เข้าร่วมได้พบเห็นการปฏิบัติธรรมของผู้มาปฏิบัติธรรมมากมายเมื่อคืนวันที่
30 ตุลาคม
- วันที่ 1 กันยายน 2561 ที่ผ่านมา
จากประสบการณ์ครั้งนี้จึงขอนำมาเผยแพร่เผื่อท่านที่สนใจจะเข้าร่วมปฏิบัติธรรมที่วัดแห่งนี้ในโอกาสต่อไป
วัดป่าศรีมหาโพธิ์วิปัสสนารามแห่งนี้
อยู่ที่ 29/ 1 หมู่ที่
4 ตำบลบัวชุม
อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี เป็นวัดที่ตั้งอยู่บนเนินเขาไม่สูงนัก
บริเวณวัดเป็นที่โล่งไม่มีป่า
หน้าวัดจะมองเห็นภูมิประเทศด้านล่างกว้างใหญ่ไพศาล สวยงามอากาศที่นี่เย็นสบายดี ด้านหลังวัดจะเป็นแนวภูเขาเป็นฉากกำบัง
มองลงจากบริเวณวัดสามารถมองเห็น ทุ่งนา
ไร่สวน ของหมู่บ้านต่าง ๆ ด้านล่างของวัดโดยรอบ
บรรยากาศเช่นนี้ทำให้ผู้มาปฏิบัติธรรมได้สัมผัสความงดงามของธรรมชาติที่นี่ผ่อนคลายความเครียดในเบื้องต้น สวยบรรยากาศ ภายในวัดเองก็มีความสะอาด สวยงาม
ศาลาปฏิบัติโล่งแจ้ง สิ่งสาธารณูปโภคต่าง ๆ ก็มีความพร้อมพอสมควร ส่วนที่พักไม่ต้องกังวล เพราะทางวัดจัดหาโลงศพไว้รองรับผู้มาปฏิบัติธรรมที่นี่ไว้อย่างเพียงพอหลายร้อยโลง
เล็ก ใหญ่ เลือกได้ตามรูปร่างของท่าน
ดังนั้น ที่พักท่านไม่ต้องกังวล นอนหมู่ในศาลาปฏิบัติธรรมขนาดใหญ่
จึงเป็นเรื่องที่ดีสำหรับผู้ที่ชอบปฏิบัติธรรม
ละความสุข ความสบาย ส่วนตัวที่เคยมีเคยเป็นมา ปฏิบัติ ตัวปรับใจให้เป็นคนตาย
หัดตายก่อนตายจริง แต่นอนในโลงศพจริง เพื่อให้เกิดความเคยชินเมื่อถึงเวลาต้องตายจริง เพราะคุ้นเคยกับความตายแล้ว เป็นการปฏิบัติธรรมและบริกรรมในบทภาวนา “ตายหนอ
ตายหนอ” ที่เป็นรูปธรรมมาก
ผู้ที่มีความสนใจจะมาปฏิบัติธรรมที่วัดนี้
มาได้โดยสะดวก หากเดินทางไปจากกรุงเทพฯใช้เส้นทางกรุงเทพ -สระบุรี – เพชรบูรณ์ เมื่อมาถึงอำเภอลำนารายณ์ให้ใช้เส้นทางที่แยกขวาไปเส้นทางที่จะไปอำเภอ
ด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา ไม่ไกลจากที่นั้นจะมีป้ายบอกทางเป็นระยะและเลี้ยวซ้ายเข้าไปตามเส้นทางที่ป้ายบอกทางก็จะถึงวัดไม่ยาก ทุกคนสามารถไปถึงวัดได้โดยไม่ยาก
หากไม่ทราบก็ตั้ง Gps บนโทรศัพท์มือถือของท่าน
มันจะบอกเส้นทางและนำท่านไปถึงวัดแน่นอน Googlemap ช่วยเราได้
การสอนธรรมนำโดย “องค์ปู่อนันตธรรมจักพรรดิ์” เป็นผู้ปฏิบัติธรรมของที่นี่สอนตามธรรมะเปิดโลก
ของ หลวงปู่คง จตฺตมโล แห่งวัดเขาสมโภชน์ ต.บัวชุม อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี
ต้นแบบของการสอน ธรรมะเปิดโลก ที่ผู้ปฏิบัติธรรมในแนวทางนี้จะทราบกันดี
อาหารการบริโภคของผู้มาปฏิบัติ ทางวัดมีโรงทานไว้บริการผู้มาปฏิบัติธรรมที่นี่
เป็นอาหารมังสวิรัติ
ไม่มีเนื้อสัตว์เจือปน เพียงพอต่อการบริโภคของทุกคนที่มาที่นี่
ห้องน้ำ ห้องสุขา
สะอาด เพียงพอสำหรับผู้มาพักปฏิบัติธรรม ตามสภาพของวัดทั่วไป แต่จะให้สะดวกสบายเหมือนที่บ้านก็ยังไม่ใช่
คนที่มาที่นี้ต้องปล่อยวางทุกอย่าง ไม่ยึดติดในความสุข สะดวกสบายดังเช่นที่ตนเคยมีและเคยเป็นของตนที่บ้าน
มาฝึกตนก่อนตายสบายใจ
ดีกว่าตายแล้วหมดเวลาแก้ตัว เป็นภาครับ ไม่มีสิทธิ์อุทธรณ์ฎีกาใด ๆ
เพื่อเปลี่ยนภพชาติของตน
เพราะฉะนั้นทุกคนต้องประสบแน่นอน
จำเป็นฝึกฝนตนจะโดยวิธีการใด ๆ
ก็ตามสำนักไหนก็เป็นการเตรียมการเปลี่ยนถ่ายภพชาติของตนทั้งนั้น
หากท่านเชื่อในหลักของการเวียนว่ายตายเกิดที่เรียกว่า “สังสารวัฏฏ์” ต้องทำ
เมื่อท่านมาที่นี่ทุกคนมาฝึกตายก่อนตาย
ปล่อย ละ วาง ทุกอย่าง ทุกคนเสมอภาคกัน เพราะทุกคนมีคุณสมบัติเหมือนกันนั่นคือ มีความทุกข์กาย
ทุกข์ใจ ประสบโรคภัยไข้เจ็บเหมือนกัน และต้องตายเหมือนกัน
วันหนึ่งทุกคนต้องไป แม้เราจะรักหวงแหนและหลงเขาเพียงใด แต่เราต้องทิ้งไป อาลัยอาวรณ์เขาไม่ได้ นี่คือสัจจะธรรมของชีวิตคน
แต่สิ่งที่ทุกคนมี และไม่เคยตายคือ จิต ผู้รับรู้และสะสมความจำต่าง ๆ ทั้งความดี ความชั่ว บุญและบาป ที่จิตสั่งสมไว้เท่านั้น การมาฝึกตายก่อนตาย นอนในโลงศพ บริกรรมภาวนา “ตายหนอ
ตายหนอ ตายหนอ” ตลอดเวลาที่นอนในโลงศพ จึงเป็นอุบายธรรมะสอนใจเราได้อย่างดีเยี่ยม
ท่านสอนให้เราเตรียมตัวเตรียมใจ
ตายก่อนตาย ไม่หวั่นไหวเมื่อมรณะภัยมาถึง จุดเด่นของที่นี่คือการสอนการให้บริกรรมด้วยบท “มรณานุสติ”
การระลึกถึงความตาย และที่สอนให้บริกรรมนึกถึงความตาย
ก็เพื่อเตือนสติตัวเราเองว่า “คนเราเกิดมาแล้วต้องตายทุกคน” ไม่มีใครหนีพ้นความตาย แต่คนส่วนมากมัวเมาประมาทในชีวิต แสวงหาแต่ทรัพย์สินเงินทองของภายนอก
ทุกคนแสวงหา สะสมกิเลส ความโลภ ความโกรธ ความหลง ชิงดีชิงเด่น
เอารัดเอาเปรียบซึ่งกันและกัน ท้ายที่สุดวันหนึ่งทุกคนที่ก็ต้องตายจากไป แต่ไม่มีใครนำทรัพย์สมบัติที่แสวงหามาได้ติดตัวไปได้สักคน
ท่านจะยิ่งใหญ่แค่ไหนก็ไม่ใหญ่เกินโลงแน่
การฝึกตายก่อนตาย จึงเป็นอุบายสอนธรรมที่ทางวัดนำมาสอนคนที่เข้ามาปฏิบัติที่วัดนี้
สอนให้มีสติ ไม่ให้ประมาทในชีวิต หันมาสร้างความดีตามหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา
ละความโลภ
ความโกรธ และความหลง หรือให้เบาบางลง
การภาวนาอบรมจิตใจ
ทำสมาธิภาวนาด้วยบทบริกรรม “มรณานุสติ”การระลึกถึงความตายนั้น เป็น 1 ในอนุสติ 10 ประการที่พระพุทธองค์ทรงสอนให้ชาวพุทธทุกคนควรบริกรรมระลึกถึงเสมอ แต่เพื่อให้สมจริงการให้
นอนในโลงศพ และบริกรรมว่า “ตายหนอ ตายหนอ ตายหนอ” ตลอดเวลา
จึงเป็นการปฏิบัติธรรมที่อยู่กับความจริงมากที่สุด
ประสบการณ์ในวันที่ผู้เขียนเดินทางไปถึงวัดวันนั้นเป็นเวลาประมาณ
20.30 น.
ทางวัดกำลังประกอบพิธีเวียนโลงศพรอบเมรุ(เป็นการประกอบพิธีจำลอง) ใช้เมรุลอยเหมือนพิธีเผาศพจริง
มีคนร่วมในพิธีหลายร้อยคน ทุกคนสวมใส่ชุดเสื้อผ้าสีขาวกันหมด
หลังจากเวียนรอบเมรุก็จะนำศพที่เวียนขึ้นตั้งบนเมรุชั่วคราว มีการทอดผ้าไตรบังสุกุล
พระสงฆ์พิจารณาผ้าบังสุกุล
ผู้ร่วมพิธีวางดอกไม้จันทน์ มีการประชุมเพลิงเผาจริง เหมือนพิธีเผาศพจริง ๆ
หลังวันรุ่งเช้าก็จะมีพิธีเก็บอัฐิ (กระดูก) ของผู้ตาย
เป็นการเผากระดาษชื่อนาม- สกุล วัน เดือน ปีเกิด ของผู้ปฏิบัติธรรมและอธิษฐานตายทุกคน และถือว่าตายแล้ว และเกิดใหม่
สิ่งไม่ดีทั้งหลายให้ทิ้งและเผาไป อธิษฐานเกิดใหม่
กรรมเวรที่มีต่อกันกับเจ้ากรรมนายเวรให้ถือว่าระงับจบสิ้นกันไป เกิดใหม่ในฤกษ์ยามที่ดีทางวัดกำหนด
เป็นการเกิดใหม่
แต่ผู้เขียนไม่ได้ร่วมพิธีและปฏิบัติธรรมมาแต่เริ่มต้น ไปทีหลัง จึงได้แต่เขียน
ชื่อ -นามสกุล ตามแบบที่ทางวัดกำหนด
เขียนเสร็จนำใบที่เขียนไปติดไว้ที่โรงศพหนึ่งใบ
อีกใบติดไว้ที่พานพุ่มดอกไม้ และนำพานเครื่องสักการะพร้อมใส่เงินมากกว่าอายุของตนเอง
พระท่านจะมาประกอบพิธีให้เราอธิษฐานตายและขอขมากรรมที่โรงศพ ก่อนจะเข้านอนประจำที่ในโลงศพ ท่านให้เรานำพานพุ่มดอกไม้ที่เราอธิษฐานแล้วไปวางไว้ที่หน้าพระพุทธรูปและนำปัจจัยที่ติดไว้กับพานพุ่มนั้นไปหย่อนตู้บริจาคบำรุงวัด
เป็นเสร็จพิธี
เมื่อเสร็จพิธีกรรมต่าง
ๆ ที่พระท่านนำปฏิบัติแล้วเรียบร้อยแล้ว ท่านจะให้เราเข้านอนผักผ่อนในโลงศพและทำสมาธิด้วยการนอนบริกรรมว่า
”ตายหนอ ตายหนอ ตายหนอ” ในโรงศพนั้นไป
นี่คือ
ประสบการณ์นอนในโลงศพ ปฏิบัติธรรม ตายก่อนตายจริง ที่ “วัดป่าศรีมหาโพธิ์วิปัสสนาราม”
การปฏิบัติธรรมในรูปแบบเช่นนี้ทางวัดถือว่า
เป็นการบำเพ็ญปรมัตถบารมี 30 ทัศน์
บุญกิริยาวัตถุ 10 อย่าง เป็นงาน
“อธิษฐานตาย” แล้วเกิดใหม่ .ท่านผู้ใดสนใจไปที่วัดได้ครับ
การมาปฏิบัติธรรมที่นี่ นอกจากเห็นการสอนกัมมัฏฐานนอนโลงศพแล้ว
ยังพบเห็นการบริหารจัดการอาหารบิณฑบาตถวายพระที่เป็นระเบียบเรียบง่าย สวยงาม
ทางวัดจัดให้มีการใส่บาตรเป็นบาตรใหญ่ใบเดียว อาหารบิณฑบาตถูกวางไว้บนโต๊ะอาหาร
การถวายอาหารทุกคนจับโต๊ะถวายพร้อมกัน พระท่านจะรับอาหารบิณฑบาตและให้พรแปลจากภาษาบาลี
เป็นภาษาไทย ทุกคนฟังเข้าใจได้ในความหมายที่ท่านให้พร และท่านก็จะพิจารณาอาหารคาวหวาน และตักข้าวอาหารบิณฑบาต
อาหารที่พอฉันเท่านั้น ที่เหลือเพื่อผู้มาปฏิบัติธรรมรับประทานต่อ
แต่การรับประทานอาหารที่นี่องค์ปู่ฯท่านจะมีพิธีสวดอัญเชิญดวงธรรม
ดวงจิต องค์คุณธรรมต่างๆ
เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ผู้รับประทานดื่มกิน นัยเป็นของทิพย์
โดยองค์ท่านจะเป็นผู้ตักข้าวให้กับผู้มาปฏิบัติธรรมที่ยืนเรียงแถวเข้าไปรับจากท่านทุกคน
อย่างเป็นระเบียบแล้วแต่ละคนจึงจะไปตักอาหารคราวหวานที่วางไว้แล้วนำไปรับประทานทานตามอัธยาศัย
มาที่นี่
ทุกคนต้องช่วยเหลือตัวเอง ภาชนะอาหารที่ทานแล้วต้องนำไปล้างเองเก็บเองในที่ที่ทางวัดกำหนดไว้ให้เป็นระเบียบเรียบร้อย
ทุกคนรู้จักหน้าที่ของตน การปฏิบัติธรรมที่นี่ทุกคนจะไม่สร้างภาระให้แก่พระให้แก่วัด
ทุกคนช่วยเหลือตนเอง
ถือว่าท่านบริหารจัดการในเรื่องนี้ได้ดีมาก
ดังนั้น 1คืน กับอีกครึ่งวัน ณ “วัดป่าศรีมหาโพธิ์วิปัสสนาญาณ” ได้มากกว่าที่คิด ตายก่อนตาย
ส่วนธรรมะที่ องค์ปู่อนันตธรรมจักพรรดิ์
สอนผู้ปฏิบัติธรรมก่อนกราบลาท่าน
โดยท่านสอนว่า”คนไม่ถูกนินทาว่าร้ายไม่มีในโลก” เมื่อได้ยินคำดังกล่าวให้น้อมรับว่า
เป็นคำที่คนกล่าวให้พรเรา
“ขอให้เราร่ำรวย ขอให้เราร่ำรวย
ขอให้เราร่ำรวย” ทุกครั้งที่ได้ยิน ได้ทราบคำกล่าวพวกนี้
เราจะมีความสุข เพราะเราบังคับเขาไม่ได้ แต่เราต้องปรับตัวเรา ให้เปลี่ยนจาก
ลบ มาเป็น บวก เพราะเราเปลี่ยนภพภูมิแล้ว ตายแล้วเกิดใหม่
มุ่งมั่นสร้างบารมีสะสมความดีต่อไป ลืมสิ่งไม่ดีในภพภูมิที่ผ่านมาทั้งหมด แล้วเราจะมีความสุข ครับ.
-------------------------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น